ประโชน์ของผักผลไม้ตามสี

ประโยชน์ของผักผลไม้ตามสี

1.ผักผลไม้สีเขียว

ผักและผลไม้สีเขียว ได้แก่ ผักโขม ตำลึง ใบยอ บวบ คะน้า บรอกโคลี กะหล่ำปลี ใบชะพลู ใบบัวบก ผักบุ้ง ผักกาดหอม แตงกวา ถั่วลันตา กางตุ้ง ชะอม อะโวกาโด กีวี แตงกวาทั้งเปลือก ซูกินีทั้งเปลือก ถั่วแขก โหระพา ใบกะเพรา สะระแหน่ ฝรั่ง ชมพู่เขียว แอปเปิ้ลเขียว องุ่นเขียว สารสีเขียวในผักและผลไม่เหล่านี้ คือ คลอโรฟิลด์ (Chlorophyll) มีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดมะเร็งได้เป็นอย่างดีที ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ผักผลไม้สีเขียวมีไฟเบอร์สูง ช่วยเรื่องการขับถ่ายได้ดี ช่วยสร้างพลังงาน ช่วยกำจัดสารตกค้างในร่างกาย ลดการสะสมของสารพิษ ลดกรดในกระเพาะอาหารบำรุงดวงตา ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส และช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอย และช่วยลดอาการภูมิแพ้ต่างๆด้วย

2.ผักผลไม้สีแดง

สารสีแดงในผักและผลไม้ที่มีสีแดงคือ ไลโคปีน (Cycopene) และ เบตาไซซีน (Betacycin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตามอวัยวะต่างๆในร่างกาย แต่จะเด่นที่สุดคือช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก รองลงมาคือมะเร็งปอด และมะเร็งที่กระเพาะอาหาร

นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์เรื่องผิวพรรณ ลดการเกิดสิวและทำให้รอยแผลเป็นจางลงได้อีกด้วย ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีแดงได้แก่ มะเขือเทศ สตรอเบอร์รี่ บีทรูท เชอรี่ แตงโม เกรพฟรุตสีชมพู ฝรั่งสีชมพู และกระเจี้ยบแดง

3.ผักผลไม้สีส้ม

ผักและผลไม้ที่สีเขียวอ่อนและสีเหลืองจะมีสารที่ชื่อว่า ลูทีน (Lutein) อยู่มาก ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงกับดวงตา ช่วยป้องกันและชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาในผู้ใหญ่ และมีส่วนช่วยในการพัฒนา การมองเห็นในเด็กเล็กได้อีกด้วย

สำหรับผักและผลไม้ที่มีสีส้ม จะมีสารเบต้าแคโรทีน (Betacarotene) ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล,ไขมันในเส้นเลือด ช่วยให้ผิวพรรณสดใส รักษาความชุ่มชื่นให้ผิว ลดความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ช่วยส่งเสริมและสร้างภูมิคุ้มกัน

ซึ่งผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลืองและส้มได้แก่ ส้ม แครอท มะละกอ มะนาว สับปะรด ฟักทอง มันเทศ ขนุน เสาวรส และ ข้าวโพด

4.ผักผลไม้สีม่วง

สีสันแปลกตาเหล่านี้มาจากสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำลายสารที่ทำให้เกิดมะเร็ง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่างๆ ชะลอความเสื่อมถอย ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ ช่วยยับยั้งเชื้ออีโคไลที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางามอีกด้วยโดยสารสีม่วงนี้จะพบมากใน มะเขือสีม่วง ลูกแบล็คเบอรี่ บลูเบอรี่ ดอกอัญชัน กะหล่ำปลีที่มีสีม่วง มันเทศสีม่วง และหอมแดง

5.ผักผลไม้สีขาวจนถึงสีน้ำตาลอ่อน

จะเป็นผักและผลไม้ที่มีสารอาหารที่เรียกว่า แซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีสารอื่นๆที่ประกอบด้วย กรดไซแนปติก (Synaptic acid) และ อัลลิซิน (Allicin) โดยสารเหล่านี้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดหัวใจได้

ผักและผลไม้ที่มีสีขาวจนถึงน้ำตาลอ่อนได้แก่ ขิง ข่า  กระเทียม  กุยช่าย  ขึ้นช่าย เซเลอรี่  เห็ด ลูกเดือย หัวไชเท้า ถั่วเหลือง ดอกกะหล่ำ ถั่วงอก และงาขาว ส่วนผลไม้ก็ได้แก่ กล้วย สาลี่ พุทรา ลางสาด ลองกอง ลิ้นจี่ ละมุด แห้ว เป็นต้น

เมื่อทราบถึงประโยชน์ของผักทั้ง 5 สีกันแล้ว ลองหันมาสังเกตุสีสันที่มาพร้อมประโยชน์ และควรหันมาทานผักและผลไม้กันให้มากขึ้นโดยทานเฉลี่ยและกระจายไปในทุกๆกลุ่มทุกๆสี สลับหมุนเวียนกันไป นอกจากประโยชน์จากสารอาหารแล้ว ผักและผลไม้ยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย และต้องไม่ลืมเรื่องการล้างทำความสะอาดผักและผลไม้ด้วย เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างต่างๆที่แฝงมากับผักและผลไม้อีกทาง

ที่มา :  http://www.lovefitt.com/healthy-fact/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89-5-%E0%B8%AA%E0%B8%B5/

ราชาแห่งผลไม้

                                           ราชาแห่งผลไม้

ทุเรียน

          ทุเรียนเป็นผลไม้เมืองร้อนที่เก่าแก่ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียตอนใต้เชื่อกันว่ามีถิ่นเดิมจริงๆ

อยู่ในประเทศมาเลเซีย แล้วแพร่ออกไปยังที่อื่น ๆ ในภูมิภาค  คำฝรั่งว่า "durian" มาจากภาษา

มาเลเซียว่า "duir" ซึ่งแปลว่า หนาม คนมาเลเซียเรียกว่า "ดูเรน" ที่ไทยเรียกทุเรียนก็คงมาจากรากศัพท์เดียวกัน

          ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีความแปลกทั้งรูปร่าง สีสัน และรสชาติ ผลเต็มไปด้วยหนาม มีเนื้อสีขาว เหลือง 

หรือสีจำปามีกลิ่นหอม รสหวานมัน น่ารับประทาน โดยเฉพาะทุเรียนไทยเนื้อมาก รสดี หวานมัน เรานิยมรับประทานเนื้อทุเรียน

สดเพราะมีรสชาติอร่อยมาก แต่เป็นผลไม้ที่มีราคาแพง นอกจากรับประทานทุเรียนสด ๆ แล้ว ถ้ามีจำนวนมากจนขายไม่ทัน

ยังนำมากวนเก็บไว้รับประทานนอกฤดู ทุเรียนกวนนิยมกันมากแถบบริเวณที่ปลูกทุเรียนในภาคใต้และทางจังหวัดจันทบุรี 

 เพราะทุเรียนแถบนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองหรือที่เรียกว่า "ทุเรียนนอก" มีขนาดผลเล็ก เนื้อน้อย เมล็ดโต 

ให้ผลดก แต่ไม่เป็นที่นิยมของตลาด เมื่อเหลือจากส่งเป็นสินค้าออก จึงนำทุเรียนมากวน ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นาน 
       

ส่วนทุเรียนทางกรุงเทพฯ และนนทบุรี มักใช้รับประทานสด เพราะส่วนมากเป็นทุเรียนพันธุ์ดีและมีคุณภาพดีด้วย  

นอกจากเราจะกินเนื้อสด ๆ แล้วยังใช้ทำเป็นขนมหวาน บางคนนำเมล็ดไปเผาหรือต้ม หรือบางท้องที่นำเนื้อทุเรียนไปทอด

ใช้รับประทานเป็นอาหารว่าง จะเห็นว่าทุเรียนนำไปบริโภคได้หลายรูปแบบ 
            ทุเรียนเป็นผลไม้เอกลักษณ์โดดเด่นและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคไทยมานานแล้ว กล่าวกันว่าในเอเซียอาคเนย์ 

ทุเรียนไทยเนื้อมากและรสดีที่สุด  แม้แต่คนมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของทุเรียน ก็ยังชื่นชอบทุเรียนไทยมากกว่า

ทุเรียนที่ปลูกในประเทศเขา   ถ้าใครได้ลองลิ้มชิมรสทุเรียนจากประเทศอื่นแล้ว ต้องรู้ว่ารสชาติไม่มีทางเปรียบเทียบ

ทุเรียนไทยได้ 

นอกจากจะเป็นราชาผลไม้ที่มีรสชาติดีแล้ว ทุเรียนก็ยังเป็นราชาผลไม้ส่งออกที่เป็นพระเอกแต่เพียงผู้เดียว   เพราะไม่มีประเทศ

ใดที่ปลูกได้ดีเท่ากับไทย แม้แต่บริษัท ซี.พี. ได้ส่งออกทุเรียน โดยเคยแช่เย็นทุเรียนในอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส 

ส่งไปขายสหรัฐอเมริกา เมื่อนำออกจากตู้เย็น 2 ชั่วโมง ปรากฎว่าทุเรียน
ยังเขียวสด เมื่อผ่าออกมารับประทานจะมีรสชาติเหมือนไอศครีมทุเรียน เป็นที่ชื่นชอบจากคนเอเซียในสหรัฐอเมริกา  

และญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ทุเรียน ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงทั้งในด้านไขมันที่ให้พลังงานโปรตีน คาร์โบไฮเดรต 

และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมาก ในปริมาณเนื้อทุเรียน  100  กรัม พบว่าทุเรียน
พันธุ์ก้านยาวให้พลังงานมากที่สุดคือ 181 กิโลแคลอรี่ ส่วนพันธุ์หมอนทองซึ่งเป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่ให้พลังงาน 

156 กิโลแคลอรี่ 
              

ฉะนั้นลองคิดดูซิว่าเพียงแค่รับประทานทุเรียนสด ๆ ก็ยังได้พลังงานดังที่ได้กล่าวมาแล้ว  และยังมีคนอีกจำนวนมากที่นิยม

กินทุเรียนโดยนำมาทำขนมหวานคือ ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน ราดด้วยหัวกะทิ ซึ่งรสชาติไม่ต้องพูดถึงว่าอร่อยขนาดไหน 

แต่ถ้าคำนึงถึงพลังงานที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากข้าวเหนียว น้ำตาล และกะทิ  ก็เป็น
สิ่งควรระวัง เพราะเนื้อทุเรียนสดก็ให้พลังงานมากอยู่แล้ว 
              ถ้ากินทุเรียนในปริมาณที่พอเหมาะร่างกายจะได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าอย่างเหมาะสม 

แต่ถ้ารับประทานทุเรียนมากเกินไปในหน้าร้อน  จะมีความรู้สึกร้อนมากกว่าปกติ บางคนจะรู้สึกอึดอัด 

เพราะพลังงานที่ได้รับมากเกินไป และถ้าใช้พลังงานไม่หมดร่างกายก็จะสะสมเป็นไขมัน เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคอ้วนได้ 
              สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว  เช่น  โรคความดันโลหิตสูง  โรคหัวใจ  โรคเบาหวาน  ก็ต้องระมัดระวังเรื่อง

การบริโภคทุเรียนอย่างมากเช่นเดียวกัน  เพราะการรับประทานมากเกินไปก็จะเป็นผลเสียและเป็นโทษแก่ร่างกาย 

ในบรรดาผลไม้จากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ คนที่ชอบทุเรียนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หวาน มัน หอม 
อร่อยมาก แต่ฝรั่งพากันบอกว่าเหม็นอบอวล เพราะมีกลิ่นและรสชาติที่จมูกฝรั่งส่วนใหญ่ไม่คุ้น ถึงขนาดสายการบินห้ามนำขึ้น

เครื่อง แต่ในหมู่ของคนเอเซียด้วยกันแล้ว มนต์เสน่ห์แห่งรสชาติของทุเรียนไม่เคยสร่างซา เมื่อปลายหน้าร้อนเข้าหน้าฝน

เดือนพฤษภาคม ทุกคนต่างเฝ้ารอโอกาสที่จะได้กินทุเรียน ถึงแม้ทุเรียนจะมีราคาแพง และก็น่าภูมิใจที่ประเทศไทยเป็นประเทศ

ที่ปลูกและมีทุเรียนดีที่สุดยังไม่มีประเทศใดในโลกเทียบได้เลย 

              ขอย้ำว่า การกินทุเรียนในปริมาณที่พอเหมาะจะเพิ่มรสชาติและความสุขให้กับชีวิต แต่ถ้าหากกินมากเกินพอ 

ทุเรียนจะก่อโรคอ้วน และนำความทุกข์มาสู่ชีวิตได้ และที่สำคัญทุเรียนเป็นเพียงหนึ่งในผลไม้หลายชนิดของไทย 

               ดังนั้นการรับประทานผลไม้ให้ถูกหลักโภชนาการนั้นจะต้องรับประทานให้หลากชนิดสลับกันไป 

เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด 

ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/482641

ผลไม้ฤดูร้อน

ผลไม้ไทย

แตงโม

          แตงโมจะเย็นและอร่อยสำหรับวันร้อน เมล็ดแตงโมมีการรักษาที่ดีสำหรับการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (ปัญหาไตและกระเพาะปัสสาวะ) เมล็ดสามารถ simmered ในน้ำ 30 นาทีเพื่อให้ชา พวกเขาเป็นยาระบายอ่อนโยนดี พวกเขาจะรับประทานสดและดีที่สุดของตนเองตามที่หมักอย่างรวดเร็วในกระเพาะอาหาร

มะละกอ

                           มะละกอเป็นอย่างต่อต้านไม่ได้รับประทานผลไม้ฤดูร้อน มะละกอเป็นอีกหนึ่งแหล่งอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนวิตามินซีและเส้นใยและมีโพแทสเซียมและโฟเลต

เชอร์รี่

Sweet พันธุ์ดีสดและสามารถเพิ่มสลัดผักและสลัดผลไม้ พวกเขามีวิตามินซีและดีขับปัสสาวะ พวกเขาจะดีสำหรับอาการปวดข้อต่อ พวกเขาเป็นอย่างดีในการป้องกันมะเร็งเพราะมีกรด ellagic ที่ inhabits เซลล์ก่อมะเร็ง

มะเดื่อ

ฤดูร้อนเป็นฤดูสำหรับมะเดื่อสด สดหรือแห้งมะเดื่อหวานเป็นหนึ่งในที่สุดแหล่งผลไม้เส้นใยและพวกเขายังมีปริมาณแร่ธาตุสำคัญของโพแทสเซียม (ที่ดีสำหรับการสูญเสีย replenishing ในเหงื่อ), แคลเซียมและธาตุเหล็ก

มะม่วง

มะม่วงอวบน้ำที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนวิตามินซีและเส้นใย ในความเป็นจริงเพียงครึ่งมะม่วงมีเกิน 100% ของปริมาณรายวันที่แนะนำของวิตามิน A (เบต้าแคโรทีนเป็น) พวกเขามีมากกว่าความต้องการประจำวันของวิตามินซีและมีเกือบครึ่งวันของความต้องการวิตามินอีอีกทั้งยังมีโพแทสเซียมเหล็กและ Nicotinic Acid พวกเขาจะดีสำหรับปัญหาผิว, การพักฟื้นและการป้องกันโรคมะเร็ง

แอปริค็อต

สีหลากหลายของแอปริค็อตซื้อให้ไปเนื้อหาหลากหลายของพวกเขา beta แคโรทีน (สารตั้งต้นในการวิตามิน A) เบต้าแคโรทีนและวิตามินซีทั้งในแอปริค็อตเป็นสารต้านอนุมูลอิสระวิตามิน แอปริค็อตหวานอาทิตย์ยังเป็นแหล่งของเส้นใยและโพแทสเซียม

ราสเบอร์รี่

เราสามารถพบได้ทั่วโลกและพืชซึ่ง spring พวกเขาไปโดยชื่อต่างๆ เช่นผลเบอร์รี่ที่สุดพวกเขาจะสูงมากในสารเคมีที่ให้ร่างกายของคุณตกนอกเหนือจากระดับโมเลกุล และพวกเขาลิ้มรสดีเกินไป

แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ล สีแดง, สีเหลืองหรือสีเขียวหวานหรือทาร์ต, กรอบหรือเป็นผง, ไม่ว่าคุณจะ slice พวกแอปเปิ้ลสดฤดูร้อนเป็นแหล่งที่ดีของเส้นใย เพคตินในแอปเปิ้ลเป็นเส้นใยละลายซึ่งสามารถช่วยในการจัดการของคอเลสเตอรอลสูง และผิวหนังของแอปเปิ้ลมีสาร flavonoids และโพลีฟี phytochemicals ที่สามารถลดความเสียหายอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันโรค oxidativeเช่นมะเร็งและโรคหัวใจ

พลัมและพีช

 พลัมและพีชจะสุกและพร้อมนี้เดือนอ่อนพีชหอมหวานมีเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีเป็นใย พลัมสีม่วงและสีแดงมีไฟเบอร์และวิตามินซีและผิวหนังมี anthocyanidins, phytochemicals สารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ


ที่มาของเนื้อหา : www.google.com